โดยทั่วไปแบบของการรุกพอแยกได้เป็น 2 แบบ คือ การรุกช้า (slow or deliberate attack) และการรุกเร็วหรือลักไก่ (fast break attack) การรุกช้าในในโอกาสที่ฝ่ายรุกมีรูปร่างใหญ่และเคลื่อนไหวช้ากว่า นอกจากนั้นยังใช้ในโอกาสที่ใกล้จะหมดเวลาการแข่งขันซึ่งทีมรุกมีคะแนนนำ ส่วนการรุกเร็วหรือลักไก่ใช้ในโอกาสที่ผู้เล่นมีความสามารถเฉพาะตัวดี และสามารถนำลูกบอลไปแดนหน้าได้อย่างรวดเร็ว วิ่งเร็วและมีกำลังดี
- รูปแบบของการรุกช้า (Slow Attack)
ก. การรุกโดยตัวหนุนเดี่ยว (The Single Pivot Offense)
การรุกโดยตัวหมุนเดี่ยว เป็นที่นิยมเล่นกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน ผู้เล่นที่เล่นเป็นตัวหมุนจะทำหน้าที่บังฝ่ายรุก ป้อนลูกให้ฝ่ายเดียวกันขึ้นทำประตูเอง และที่สำคัญ คือ การเข้าแย่งลูกบอลหลังจากการยิงประตู ตำแหน่งการยืนของผู้เล่นตัวหมุนเดี่ยวมี 3 ตำแหน่ง คือ ยืนสูง (high post) ยืนต่ำ (low post) และยืนสูงปานกลาง (medium high post) (ดังรูปที่ 9 – 1) ตำแหน่งการยืนนิยมเล่นกันมาก คือ การยืนสูงปานกลาง ซึ่งจะยืนระหว่างเส้นโยนโทษกับแนวห่วงประตูด้านนอกเส้นยืนโทษ ทั้งนี้เพราะจุดนี้ผู้เล่นตัวหมุนสามารถส่งลูกให้เพื่อร่วมทีมและขึ้นยิงประตูเองได้ดี ส่วนตำแหน่งการยืนของผู้เล่นทั้งทีมมีดังนี้ (ดังรูปที่ 9 – 2) 1 และ 2 เป็นการ์ด, 2 และ 5 เป็นผู้เล่นตัวหมุนเดี่ยว 3 และ 4 เป็นผู้เล่นหน้า (ปีก) 1, 2 และมีวิธีการเล่นที่เป็นพื้นฐานง่าย ๆ ดังนี้ 1 ส่งลูกบอลให้ 3 วิ่งตัดผ่านด้านนอก 3, 5 ซึ่งเป็นผู้เล่นตัวหมุนเดี่ยวกำลัง (screen) คู่ต่อสู้ของ 4, แล้ว 4 วิ่งเปลี่ยนทิศทางตัดเข้าในเพื่อรับลูกบอลจาก 3
ตัวอย่างแผนการรุกโดยตัวหมุนเดี่ยว (Single Pivot Play)
แผนการเล่นที่ 1 การวิ่งตัดอ้อมหลัก (A Shlet the Post) เมื่อผู้เล่นกลางศูนย์ (center) ยืนอยู่ที่กึ่งกลางของเส้นโยนโทษ เริ่มต้นโดย 1 ส่งลูกบอลให้ 5 1 และ 2 วิ่งตัดกันผ่านผู้เล่นกลางศูนย์ไปทางด้านข้าง โดยให้ 1 เป็นผู้วิ่งตัดก่อน 5 จะส่งลูกบอลให้กับผู้เล่นที่ว่างจากการสกัดกั้น โดยปกติแล้วมักจะเป็น 2 ส่วนผู้เล่น 3, 4 จะต้องรีบเคลื่อนที่ออกมาทำหน้าที่ผู้ป้องกันหลัง (guard) แทน 1 และ 2 เพื่อประโยชน์ในการป้องกันเมื่อตกเป็นฝ่ายรับ
แผนการเล่นที่ 2 การเล่นที่เปลี่ยนแปลงไปจากแผนการเล่นที่ 1 คือ 2 ส่งลูกบอลให้ 4 แล้ววิ่งไปบัง (screen) ให้ 1 วิ่งตัดผ่านผู้เล่นกลางศูนย์ไป ถ้า 1 ว่างจากการสกัดกั้น 4 จะส่งลูกบอลให้เพื่อขึ้นยิงประตู ภายหลังจากการบังแล้ว 1 จะวิ่งตัดกลับ (cut back) มาข้างหน้าผ่านกลางศูนย์ไปยัง 4 เพื่อรับลูกบอล เมื่อ 1 ถูกสกัดกั้น และ 4 ส่งลูกให้ 1 ไม่ได้ การวิ่งตัดกลับนี้จะได้ผลดีเมื่อฝ่ายรับใช้วิธีป้องกันแบบคนต่อคน (man for man defense)
แผนการเล่นที่ 3 การเล่นที่เปลี่ยนแปลงจากแผนการเล่นที่ 2 คือ 1 ส่งลูกบอลให้ 5 4 วิ่งตัดไปทางเส้นหลัง (endline) 1 และ 2 วิ่งอ้อมหลักผ่าน 5 (กลางศูนย์) ถ้า 2 ถูกสกัดกั้นให้ 5 ส่งลูกบอลให้ 4 ซึ่งวิ่งหักกลับเข้ามารับลูกบอลโดยมี 1 เป็นผู้ทำการบังให้
แผนการเล่นที่ 4 เป็นวิธีการเล่นที่ง่าย ๆ แต่ใช้ได้ผลดี เมื่อ 1 ส่งลูกบอลให้ 5 แล้ว 1 และ 2 หลอกทำท่าจะวิ่งอ้อมผ่าน 5 ให้ 4 วิ่งตัดเข้าในและรับลูกจาก 5 ขึ้นยิงประตู จะใช้ได้ดีเมื่อการ์ด (guard) ของฝ่ายป้องกันหันหน้ามาดูลูกบอลและเผลอไม่ทันป้องกันเบอร์ 4
แผนการเล่นที่ 5 2 เลี้ยงลูกบอลไปยืนส่งให้ 1, 1 ส่วนต่อให้ 4 ซึ่งวิ่งมาพบกับ 5 ที่กำลังเคลื่อนมาอยู่ที่ข้าง ๆ 5, 4 วิ่งตัดแล้วเคลื่อนที่เข้าบังให้ 1, 1 รับลูกจาก 5 เพื่อขึ้นยิงประตู 2 และ 3 เปลี่ยนทิศทาง เพื่อทำให้เกิดช่องว่างในการป้องกัน
แผนการเล่นที่ 6 2 ส่งลูกบอลให้ 4 แล้ววิ่งตัดออกข้างไปสู่มุม 4 ส่งลูกบอลให้ 2 ซึ่งจะเป็นผู้ป้อนลูก (feed) ให้ 5 ที่กำลังเคลื่อนที่จาก high post มาสู่ medium high post 2 และ 4 วิ่งตัดกันอ้อม 5, 5 จะเป็นผู้ส่งลูกให้กับผู้วิ่งอ้อมที่ว่างจากการคุม ปกติได้แก่ 4 และพร้อมกันนั้น 1 และ 3 จะเปลี่ยนตำแหน่งกัน เพื่อก่อกวนทำให้เกิดช่องว่างในการป้องกัน
แผนการเล่นที่ 7 ในขณะที่ 2 ส่งลูกให้ 4, 5 วิ่งหนีออกห่างจากลูกบอลไปทางตำแหน่ง low post 2 วิ่งไปบังให้ 1 วิ่งตัด ขณะเดียวกันนั้น 4 เลี้ยงลูกบอลกลับไปเส้นโยนโทษ 1 วิ่งตัดออกจากการคู่ที่ 2 บังให้ และรับบอลจากการยื่นส่งให้ของ 4 และเลี้ยงขึ้นยิงประตูทันที
แผนการเล่นที่ 8 เรียกว่า “Second guard around play” คือ 2 ส่งลูกบอลให้ 4 แล้ววิ่งตัดออกข้างเพื่อรับลูกส่งกลับ 2 จะพยายามเลี้ยงรุกเข้าไปยิงประตู แต่ถ้าเขาไม่สามารถไปได้ตลอดเขาจะหมุนตัวและป้อนลูกให้ 1 ซึ่งวิ่งตัดผ่านการบังของ 4, 5 จะวิ่งแยกห่างจากลูกบอลไปทาง low post
แผนการเล่นที่ 9 แบบการเล่นง่าย ๆ อีกวิธีหนึ่ง เล่นติดต่อกันกับแผนการเล่นที่ 10 คือ ให้ 2 ส่งลูกบอลให้ 4 แล้ววิ่งตัดอ้อมหลัง 4 ไปทางมุมขวา 5 ทำบังให้ 3 วิ่งตัดเข้าไปในเขตประตู ในขณะเดียวกัน 1 วิ่งมาที่ส่วนยอดของวงกลม ถ้า 3 ว่าง 4 จะป้อนให้ยิงประตู
แผนการเล่นที่ 10 ต่อเนื่องจากแผนการเล่นที่ 9 ถ้า 3 ไม่ว่าง 4 จะส่งลูกให้ 1 ที่อยู่สุดยอดของวงกลม ซึ่งจะส่งต่อไปให้ 5 แล้ววิ่งตัดออกไปมุมด้านซ้ายมือของภาพนี้ 3 ทำบังให้ 4 วิ่งตัดเข้าในเพื่อยิงประตู ขณะเดียวกับที่ 2 วิ่งออกมาที่สุดยอดของวงกลม 3 ป้อนให้ 4 ถ้าเขาว่าง
ข. การรุกโดยตัวหมุนคู่ (Double Pivot Offense)
การรุกโดยตัวหมุนคู่ เหมาะสำหรับทีมที่มีผู้เล่นสูงสองคนและมีทักษะในการหมุนดี การยืนอาจจะยืนต่ำ หรือสูง หรือยืนแบบสูงหนึ่งคนต่ำหนึ่งคนก็ได้ แต่โดยปกติจะยืนคนละข้างของเส้นยืนโทษ แล้วเคลื่อนที่จากเส้นสกัดหลังไปที่เส้นโยนโทษ และเปลี่ยนข้างเมื่อผู้เล่นอื่นมาทำบังให้ มีหน้าที่เฉพาะ คือ พยายามยิงประตูในบริเวณเขตประตู และเข้าแย่งลูกบอลหลังจากยิงประตู
ตัวอย่างแผนการรุกโดยตัวหมุนคู่
แผนการเล่นที่ 1 ให้ 2 ส่งลูกบอลให้ 5 ซึ่งวิ่งออกมาพบกับการส่ง 2 และ 3 วิ่งสวนกันอ้อม 5 โดย 2 วิ่งอ้อมก่อน ในขณะเดียวกัน 5 จะป้อนลูกให้ 3, 4 ทำบังให้ 1 ซึ่งวิ่งตัดเข้าสู่ห่วงประตู 3 อาจจะยิงประตูเองหรืออาจจะส่งให้ 2 หรือ 1 ก็ได้ 4 ต้องทำหน้าที่ผู้ป้องกันหลังแทนผู้ที่วิ่งตัดเข้าในเมื่อตกเป็นฝ่ายรับ
แผนการเล่นที่ 2 2 เลี้ยงลูกบอลไปยืนส่งให้ 3 แล้วเคลื่อนตัวไปทางมุมขวา 3 เลี้ยงลูกบอลตรงเข้ากลาง แล้วส่งกลับมาให้ 2 ในขณะที่การส่งดำเนินอยู่ 5 จะทำบังให้ 4 วิ่งตัดเข้าหาลูกบอล 2 ป้อนลูกให้ 4 ซึ่งวิ่งมาพบกับ 3 ในลักษณะการวิ่งอ้อมหลัก
แผนการเล่นที่ 3 3 ส่งลูกบอลให้ 2 และวิ่งตัดเขตประตูผ่านหน้า 5 ไปยังฝั่งตรงข้าม 5 วิ่งตัดเข้าหาลูกบอลและรับลูกบอลจาก 2 ภายหลังที่ทำการส่ง 2 วิ่งตัดออกไปทางด้านขวาของ 5, 5 อาจจะส่งลูกบอลให้ 2 หรืออาจจะหลอกว่าจะส่งแล้วรุกเข้ากลาง หรืออาจส่งให้ 4 ซึ่งกำลังวิ่งตัดผ่านการบังของ 3 ก็ได้ แล้วแต่กรณี
แผนการเล่นที่ 4 3 ส่งลูกบอลให้ 5 แล้วบังให้ 2, 5 เลี้ยงลูกบอลเข้าหาเส้นโทษแล้วทำการบังคู่กับ 3 ให้ 2 วิ่งผ่านด้านนอก เมื่อ 2 รับลูกบอลจากการส่งของ 5 แล้วรุกเข้าใต้ห่วงประตู แต่ถูกสกัดกั้น ก็อาจจะส่งให้ 4 ซึ่งกำลังวิ่งมาโดยการทำบังคู่ของ 5 และ 3
แผนการเล่นที่ 5 2 ส่งลูกให้ 3 และทำการบังให้ 1, 3 เลี้ยงลูกบอลรุกเข้าไปทางเส้นโยนโทษแล้วทำการบังคู่ให้กับ 1, 5 วิ่งดึงคนให้ที่เดิมว่างไปทางด้านตรงข้าม 1 รับลูกบอลส่งจาก 3 และเลี้ยงลูกบอลบุกเข้ายิงประตู
แผนการเล่นที่ 6 1 เลี้ยงเอาตัวบังแล้วยื่นลูกบอลส่งให้ 2 และวิ่งตัดเข้ากลางไป 2 เลี้ยงออกจากการบังของ 4 ถ้าฝ่ายป้องกันสามารถสกัดไว้ได้ให้เปลี่ยนมาส่งให้ 4 ซึ่งกำลังหมุนตัวเข้ากลางเพื่อรับลูกและขึ้นยิงประตู
แผนการเล่นที่ 7 2 ส่งลูกบอลให้ 1 และวิ่งตัดไปที่มุมซ้ายเพื่อรอรับลูกส่งกลับจาก 1, 4 ทำการบังให้ 5 ผู้วิ่งตัดเข้าหาลูกบอลโดยผ่านเข้ากลาง ถ้าฝ่ายป้องกันสกัดกั้นได้ 4 จะกลิ้งตัวออกมาที่ได้ห่วง เพื่อรับลูกบอลจาก 2 ในขณะเดียวกัน 3 ยังคงทำหน้าที่ผู้ป้องกันคู่กับ 1 เมื่อตกเป็นฝ่ายรับ
ค. การรุกโดยการยืนสูงหนึ่งคนและต่ำหนึ่งคน (Tandem Post Offense)
การรุกโดยยืนสูงหนึ่งคนและต่ำหนึ่งคน (high – low post) บางทีเรียกว่าเป็นการรุกแบบ 1 – 3 – 1 ตำแหน่งการยืนของผู้เล่นหนึ่งคนยืนที่เส้นโยนโทษเรียกว่า ยืนสูง (high post) และอีกคนจะยืนต่ำที่เส้นหลังเรียกว่า ยืนต่ำ (low post) ผู้เล่นการ์ด 1 ยืนอยู่หลังเส้นโทษออกมาก ซึ่งจะเป็นตัวคุมบอล และผู้เล่นหน้า (ปีก) 1, 2 ยืนอยู่ที่ด้านข้างของสนามในแนวเดียวกับเส้นโยนโทษ
ตัวอย่างแผนการรุกโดยการยืนสูง – ต่ำ
แผนการเล่นที่ 1 การป้อนลูกอย่างง่าย ๆ ให้แก่ผู้เล่นเป็นหลักอยู่ใกล้ห่วงประตู เพื่อใช้การรุกแบบคนต่อคน ด้วยการหมุนตัว โดย 1 ส่งลูกบอลให้ 3 ซึ่งจะป้อนลูกต่อให้ 5, 5 พยายามที่จะทำประตู ถ้าเขาไม่สามารถทำได้ อาจมีทางเลือกง่าย ๆ โดยปล่อยให้ 4 วิ่งตัดเข้ามาแล้วจึงส่งต่อให้ 4 เพื่อขึ้นยิงประตู
แผนการเล่นที่ 2 ก 1 ส่งลูกให้ 3 แล้วหลอกจะวิ่งไปทางซ้าย แล้วหักกลับวิ่งหนีห่างจากผู้ป้องกันของตนไปทางหมายเลข 4, 3 ส่งลูกบอลให้ 1 ยิงประตู
แผนการเล่นที่ 2 ข ถ้า 1 ถูกสกัดกั้นในขณะที่เขาวิ่งตัดเข้ากลาง 4 สามารถวิ่งตัดอ้อมหลังไปเพื่อรับลูกส่งจาก 3 ขึ้นยิงประตูแทน 1 ได้อีกวิธีหนึ่ง
แผนการเล่นที่ 2 ค การเลือกอื่น ๆ ที่เราสามารถนำไปใช้ได้ เช่น ถ้า 1 ไม่ว่างในขณะที่เขาวิ่งตัดไป ให้ 1 วิ่งต่อไป เพื่อบังให้ 5 ซึ่งยืนอยู่ในตำแหน่งหลักตัวต่ำ 5 วิ่งเข้ารับลูกจาก 3 ที่ใต้ห่วงขึ้นยิงประตู
แผนการเล่นที่ 3 1 เลี้ยงลูกเข้าไปหา 3 แล้วยื่นลูกให้ 4 ทำการบังให้ 5 ซึ่งวิ่งมากที่เส้นโยนโทษ 3 ส่งลูกต่อให้ 5 ซึ่งจะยิงประตู แต่ถ้ายิงประตูไม่ได้ให้ส่งไปให้ 2 เพื่อยิงประตูที่มี 4 และ 1 บังให้
ง. การรุกแบบวิ่งสลับที่กัน (The Shuffle Offense)
การรุกแบบวิ่งสลับที่กัน เพิ่งนิยมเล่นกันมาไม่กี่ปีนี้เอง ซึ่งได้พัฒนาขึ้นโดย บรูซ ดร๊าก (Bruce Drake) ขณะนั้นเขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนบาสเกตบอลแห่งมหาวิทยาลัยโอกลาโฮมา การรุกด้วยวิธีนี้จะต้องมีผู้เล่นที่มีความสูงไล่เลี่ยกัน สามารถเล่นได้ทุกตำแหน่ง มีทักษะการครอบครองลูกบอลและวิ่งตัดได้ดี ลักษณะการรุกแบบนี้จะหนักไปข้างใดข้างหนึ่งก่อนแล้วจึงเปลี่ยนไปรุกด้านตรงข้ามทันทีทันใดเมื่อมีโอกาส ดังตัวอย่างต่อไปนี้
รูป 1 แสดงถึงตำแหน่งการยืนเบื้องต้น
รูป 2 แสดงถึงรากฐานของการเล่น ในขณะที่ 2 ส่งให้ 1, 3 จะวิ่งตัดออกจากการบังของ 5 (เป้นหทางเลือกทางแรก) 4 รอจนกระทั่ง 3 วิ่งตัดผ่าน 5 ไปแล้ว จึงวิ่งตัดเข้ากลาง เพื่อรับลูกยิงประตู (ทางเลือกท่าสอง) จากนั้น 2 ทำการบังให้ 5 ซึ่งวิ่งตัดไปทีส่วนยอดของวงกลม (ทางเลือกที่สาม)
รูป 3 แสดงถึงตำแหน่งการยืนที่เปลี่ยนไป
จ. การรุกเมื่อฝ่ายป้องกันตั้งป้อมรับ (Zone Offense)
การรุกเมื่อฝ่ายป้องกันตั้งป้อมรับ เป็นเรื่องที่ผู้เล่นและผู้ฝึกจะต้องทำความเข้าใจให้ดี เพราะในสถานการณ์การเล่นและการแข่งขันย่อมเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีการแก้เกมของฝ่ายป้องกันที่จะพยายามป้องกันฝ่ายรุกไม่ให้ทำประตูได้โดยง่าย ฝ่ายรุกมักจะพบอยู่เสมอว่าฝ่ายป้องกันที่มีรูปร่างสูงใหญ่ และเข้าแย่งลูกบอลหลังจากการยิงประตูได้ดี มักจะใช้วิธีการป้องกันแบบตั้งป้อม (zone defense)
การตั้งป้อมรับแต่ละแบบจะมีจุดอ่อนที่นักกีฬาและผู้ฝึกต้องเช้าใจอย่างถ่องแท้ เพราะจุดอ่อนของฝ่ายรับจะเป็นจุดเด่นของฝ่ายรุก แสดงถึงบริเวณจุดอ่อนที่ฝ่ายรุกสามารถเข้าทำประตูดังนี้
หลักในการรุกเมื่อฝ่ายป้องกันตั้งป้อมรับ
- ต้องแน่ใจว่า ฝ่ายป้องกันตั้งป้อมรับ เราจึงเล่นแผนการรุกเมื่อฝ่ายป้องกันตั้งป้อมรับ
- พิจารณาให้แน่ว่าการตั้งป้อมรับของคู่ต่อสู้เป็นแบบใด (3- 2, 1 – 3 – 1, 2 – 1 – 2, 2 – 3, 1 – 2 – 2, 2 – 2 – 1)
- มองหาจุดอ่อนของฝ่ายป้องกันว่าอยู่ตรงไหน
- วางจุดของผู้เล่นฝ่ายรุกตามรูปแบบของแผนการเล่นในลักษณะรูปสามเหลี่ยมเอาไว้ (ดังรูป)
- ต้องเคลื่อนที่ตลอดเวลา และพยายามสร้างสถานการณ์ให้ฝ่ายป้องกันสองคนป้องกันเราคนเดียว
- วิธีรุกเมื่อฝ่ายรับตั้งป้อมรับที่ดีที่สุดคือ การเล่นเร็วหรือลักไก่ (fast break) ก่อนที่ฝ่ายรับลงมาตั้งป้อมทัน
- พยายามส่งลูกบอลให้มาก ๆ พยายามทำให้ฝ่ายป้องกันเสียขบวนให้ได้
- ต้องใจเย็นสุขุม เมื่อขึ้นยิงประตูห้องแน่ใจว่าจะต้องได้ประตูอย่างแน่นอน อย่าใจร้อนรีบด่วนยิงประตูเสียก่อนในระยะไกล
- ตัวอย่างแผนการรุกแบบ 1 – 3 -1
1.1 แสดงตำแหน่งการยืนพื้นฐานแบบรุก 1 – 3 – 1
1.2 แสดงทิศทางของการส่งลูกบอลและทิศทางในการวิ่งเปลี่ยนตำแหน่ง 1 ส่งลูกบอลให้ 3, 3 ส่งต่อให้ 5 ซึ่งวิ่งตัดออกมาใต้ห่วงประตูแล้วขึ้นยิงประตู 2 หมุนกลับออกเพื่อคอยป้องกันเมื่อมีการส่งลูกบอลพลาด
1.3 และ 1.4 แสดงถึงทางเลือกที่สามารถพลิกแพลงเล่นได้
- ตัวอย่างแผนการรุกแบบ 2 – 1 – 2
2.1 แสดงตำแหน่งการยืนพื้นฐานแบบ 2 – 1 – 2 (1, 2 การ์ด 3, 4 ปีก และ 5 กลางศูนย์)
2.2 แสดงทิศทางในการส่งลูกบอล และทิศทางการวิ่ง 1 ส่งลูกบอลให้ 2, 2 ส่งต่อให้ 4 ขณะเดียวกัน 5 วิ่งตัดเข้าในไปรับลูกส่งจาก 4 และขึ้นยิงประตู และขณะที่ 4 ส่งลูกบอลให้ 5 นั้น จะมี 3 วิ่งตัดเฉียงบนมาอยู่อีกข้างหนึ่งของเขตประตูด้วย ถ้าไม่มีคนคุม 5 อาจส่งให้ 3 ยิงประตูได้
2.3 ต่อเนื่องจากแผนการเล่นในข้อ 2.2 เมื่อ 2 ส่งลูกบอลให้ 4 แล้ว 4 ไม่สามารถส่งต่อให้ 5 ก็ให้ส่งคืน 2 มาใหม่ แล้ว 5, 4, 3 วิ่งตัดผ่าน
2.4 แสดงถึงตำแหน่งการยืนของฝ่ายป้องกัน ยืนตั้งป้อมรับแบบ 3 – 2 และฝ่ายรุกยืนแบบ 2 – 1 – 2
ฉ. การเล่นเร็วหรือลักไก่ (Fast Break)
การเล่นเร็ว ถือว่าเป็นแบบของการรุกที่ดีประการหนึ่ง เพราะมีบางทีมสามารถทำคะแนนได้จากการเล่นเร็วไม่ต่ำกว่าครึ่งหนึ่งของคะแนนทั้งหมด แต่การเล่นนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม
องค์ประกอบที่สำคัญของการเล่นเร็ว คือ ความเร็ว (Speed) ซึ่งถือว่าสำคัญอันดับหนึ่ง และการแย่งลูกบอลหลังจากการยิงประตูของฝ่ายรุก แล้วฉวยโอกาสเล่นเร็วในทันทีทันใด ก่อนที่ฝ่ายรับจะตั้งรับทัน
ขณะที่เล่นเร็วสนามจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน ตามแนวขนานกับเส้นข้างตั้งฉากกับเส้นหลัง
ตัวอย่างแผนการเล่นเร็ว (Fast Break)
แผนการเล่นที่ 1 (การ์ดได้ลูกจากการกระทบกระดานหลัง)
ดังรูปเป็นการเล่นเร็ว ภายหลังจากการรับลูกระดอนจากกระดานหลัง โดยการ์ด 1 เป็นผู้รับได้ ในขณะที่ 1 รับลูกได้ 5 และ 3 เริ่มวิ่งออกมาทางด้านข้างของสนามทางซ้าย ส่วน 4 และ 2 จะวิ่งตัดแยก เพื่ออยู่ในตำแหน่งที่รับลูกจาก 1, 1 ส่งลูกให้ 4, 4 ส่งต่อให้ 2, 2 เลี้ยงลูกบอลขึ้นไปในช่วงกลาง (middle lane) มุ่งเข้าสู่เส้นโยนโทษพร้อมกับ 4 และ 3 ส่วน 5 จะติดตามมาข้างหลัง 2 อาจจะส่งให้ 3 หรือ 4 ก็ได้ตามแต่โอกาส แต่ถ้าฝ่ายป้องกันติด 4 เขาจะส่งให้ 2 ส่วน 1 จะคอยคุมอยู่หลังสุด เผื่อฝ่ายป้องกันแย่งลูกบอล
แผนการเล่นที่ 2 (กลางศูนย์แย่งลูกบอลได้)
ดังรูปเป็นการเล่นเร็วภายหลังจากการยิงประตู โดยกลางศูนย์ (center) เป็นผู้รับลูกบอลให้ปี 2 และ 4 วิ่งฉีกออกข้างสนามก่อน แต่ในรูป 5 ส่งให้ 4 ขณะเดียวกันนั้น 3, 2 และ 1 วิ่งไปข้างหน้าอย่างเร็ว ให้ 2 ตัดเข้ามารับลูกบอลในช่องกลาง (middle land) 4 ส่งลูกบอลให้ 2 แล้ววิ่งตามไป 2 เลี้ยงเข้าไปยังเส้นโยนโทษแล้วเลือกส่งให้ 3 หรือ 1 ตามความเหมาะสม ถ้าส่งไม่ได้อาจส่งให้ 4 ซึ่งวิ่งตามหลังมา ส่วน 5 คอยคุมอยู่หลัง
แผนการเล่นที่ 3 (เมื่อปีกแย่งลูกบอลได้)
4 ได้ลูกบอลส่งให้ 2 แล้ว 4 ขึ้นในตำแหน่งปีกขวา 5 ขึ้นเป็นตำแหน่งปีกซ้าย 2 เลี้ยงลูกบอลขึ้นใกล้เส้นโยนโทษ แล้วส่งลูกบอลให้ 5 หรือ 4 เข้ายิงประตู ส่วน 3 และ 1 ขึ้นซ้อนหลัง